หมวดที่ 1 ความทั่วไป
ข้อที่ 1 สมาพันธ์ เรียกว่า “ สมาพันธ์การแพทย์แผนไทยล้านนา ” มีชื่อย่อว่า “ สพล “ ชื่อภาษาอังกฤษว่า “ Lanna Thai Medical Federation “ มีชื่อย่อว่า “ LMF ” ในข้อบังคับนี้
ข้อที่ 2 เครื่องหมายสมาพันธ์ มีลักษณะเป็นลูกประคบยอดด้านบนเป็นเครื่องหมายกาแลซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาวล้านนา ภายในลูกประคบมีเครื่องหมายกากะบาดสีเขียวซึ่งมีความหมายในด้านการรักษาพยาบาล มีธงชาติไทยอยู่ด้านล่างเครื่องหมายกากะบาดแสดงเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ข้างขวาธงชาติเป็นใบไม้สีเขียวแสดงถึงความเป็นธรรมชาติ ด้านข้างลูกประคบทั้งสองด้านมีรูปคนยืนอยู่ใต้ลูกประคบมีสัญลักษณ์เส้นโค้ง และใต้เส้นโค้งมีชื่อสมาพันธ์การแพทย์แผนไทยล้านนาเป็นภาษาไทยอยู่ด้านบน และเป็นภาษาอังกฤษอยู่ด้านล่าง
สีประจำสมาพันธ์ • สีเขียว และ สีขาว
ข้อที่ 3 สำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์ (ชั่วคราว) ตั้งอยู่ที่ 49 ถนนช่างหล่อ ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัด เชียงใหม่ 50100
ข้อที่ 4 วัตถุประสงค์ของสมาพันธ์ มีดังนี้
- 
4.1 ร่วมกันอนุรักษ์ พัฒนาและเผยแพร่การแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านล้านนาสู่สากล 
- 
4.2 เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงธุรกิจสุขภาพ ด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านล้านนาระหว่างภาคเอกชนด้วยกัน 
- 
4.3 สร้างความเชื่อมั่นในการใช้องค์ความรู้ ด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านล้านนาในการดูแลสุขภาพของประชาชน 
- 
4.4 เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมองค์ความรู้ ข้อมูล และให้บริการข่าวสารด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านล้านนา ตลอดจนเป็นเวทีแสดงความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านวิชาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านล้านนา รวมทั้งการแพทย์แขนงอื่น ๆ ระหว่างมวลหมู่สมาชิก 
- 
4.5 เป็นกลไกในการผลักดันกิจกรรมต่อเนื่อง ด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านล้านนาให้ได้ผลตามนโยบายของภาครัฐ และตามความต้องการของภาคเอกชนตั้งแต่ในระดับชุมชน ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ 
- 
4.6 จัดให้มีการส่งเสริมการตลาด และการประชาสัมพันธ์ร่วมกันกับหน่วยงานของภาครัฐและภาคเอกชน 
- 
4.7 คุ้มครอง ส่งเสริม วิจัย และพัฒนาภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านล้านนาของมวลหมู่สมาชิก ยกระดับมาตรฐานด้านคุณภาพและการบริการ และดำเนินการเผยแพร่แก่สาธารณชนทั่วไป ตลอดจนคุ้มครองสิทธิประโยชน์อย่างเป็นธรรม 
- 
4.8 ดำเนินกิจกรรมในการส่งเสริมให้มีการดูแล คุ้มครอง ป้องกัน และรักษาชีวิต ร่างกาย สุขภาพของประชาชน ด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านล้านนา อันเป็นประโยชน์แก่สาธารณชนทั่วไป 
- 
4.9 ส่งเสริมให้มวลหมู่สมาชิกรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีการแพทย์ไทยและการแพทย์ พื้นบ้านล้านนาที่ดีงามสืบไป 
- 
4.10 ให้ความช่วยเหลือ เกื้อกูล ในมวลหมู่สมาชิกตามสมควร 
หมวดที่ 2 สมาชิก
ข้อที่ 5 สมาชิกสมาพันธ์ มี 3 ประเภท คือ
- 5.1 สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลผู้ทรงเกียรติหรือผู้มีอุปการคุณแก่สมาพันธ์ ซึ่งคณะผู้บริหารสมาพันธ์ลงมติให้เชิญเป็นสมาชิกของสมาพันธ์
- 5.2 สมาชิกสามัญ ได้แก่ คณะบุคคล หรือนิติบุคคล หรือองค์กรต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการส่งเสริม คุ้มครอง ป้องกัน ดูแลและรักษาชีวิต ร่างกายสุขภาพของประชาชน ด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านล้านนา
- 5.3 สมาชิกวิสามัญ ได้แก่ บุคคลธรรมดาทั่วไปที่มีความสนใจเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านล้านนา
ข้อที่ 6 การชำระเงินบำรุงสมาพันธ์ 6.1 สมาชิกสามัญต้องเสียค่าบำรุงสมาพันธ์เป็นรายปี ๆ ละ 500 บาท
- 6.2 สมาชิกวิสามัญต้องเสียค่าบำรุงสมาพันธ์เป็นรายปี ๆ ละ 100 บาท
- 6.3 ค่าบำรุงพิเศษ สมาพันธ์อาจเรียกเก็บค่าบำรุงพิเศษจากสมาชิกเพิ่มเติมได้เป็นครั้งคราว โดยที่ประชุมใหญ่ลงมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสาม ของจำนวนสมาชิกที่มาประชุมทั้งหมด
ข้อที่ 7 คุณสมบัติของสมาชิก สมาชิกสมาพันธ์ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้คือ
- (1) ในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดา
- 1. เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว
- 2. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
- 3. ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือบุคคลไร้ความสามรถ หรือบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ
- 4. ไม่เคยเป็นบุคคลที่เคยต้องโทษจำคุกพิพากษาถึงที่สุดของศาลมาก่อน เว้นแต่ความผิดลหุโทษ หรือความผิดที่อัตราโทษไม่สูงกว่าความผิดลหุโทษ หรือความผิดซึ่งกระทำโดยประมาท
- 5. ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือเป็นโรคอันเป็นที่รังเกียจของสังคม
 
- (2) ในกรณีที่เป็นนิติบุคคลหรือคณะบุคคลผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลหรือของคณะบุคคลต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม (1)
- สมาชิกที่เป็นนิติบุคคลหรือคณะบุคคลต้องแต่งตั้งบุคคลธรรมดา เพื่อปฏิบัติการในหน้าที่และใช้สิทธิแทนนิติบุคคลหรือคณะบุคคลในการนี้ผู้แทนจะมอบหมายให้บุคคลอื่นกระทำการแทนหรือตั้งตัวแทนช่วงมิได้
- บุคคลเดียวกันจะเป็นผู้แทนที่มีอำนาจกระทำการแทนสมาชิกสามัญเกินหนึ่งรายมิได้
- ผู้ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกสามัญและวิสามัญ ต้องยื่นใบสมัครตามแบบที่กำหนดไว้ต่อเลขาธิการสมาพันธ์ และให้เลขาธิการสมาพันธ์เสนอต่อคณะผู้บริหารสมาพันธ์ เพื่อให้คณะผู้ บริหารสมาพันธ์พิจารณามีมติเห็นประการใดแล้วให้เลขาธิการแจ้งให้ผู้สมัครทราบ
 
ข้อที่ 8 การสิ้นสุดสมาชิกภาพ
- 8.1 ถึงแก่กรรม หรือเป็นคนสาบสูญ โดยคำสั่งของศาล หรือเป็นบุคคลล้มละลาย
- 8.2 เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ความผิดฐานลหุโทษ หรือเพราะการกระทำโดยประมาท
- 8.3 ลาออกโดยได้รับอนุญาตจากคณะผู้บริหารสมาพันธ์เป็นลายลักษณ์ และจะต้องชำระหนี้สินของตนให้สมาพันธ์จนครบถ้วน
- 8.4 ขาดคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งตามข้อ 7
- 8.5 ขาดการชำระค่าบำรุงสมาพันธ์
- 8.6 ที่ประชุมใหญ่ของสมาพันธ์หรือคณะผู้บริหารสมาพันธ์ ได้พิจารณาให้คัดชื่อออกจากทะเบียนเพราะสมาชิกผู้นั้นได้ประพฤติตน นำความเสื่อมเสียมาสู่สมาชิกสมาพันธ์ สมาชิกที่เป็นสมาชิกสิ้นสุดนั้น จะยกเหตุแห่งการนั้นมาเป็นข้ออ้างเรียกค่าเสียหายใด ๆ จากสมาพันธ์ หรือคณะผู้บริหารสมาพันธ์ ประการใดหาได้ไม่
ข้อที่ 9 สิทธิของสมาชิก มีดังนี้
- 9.1 สมาชิกสามัญมีสิทธิประดับเครื่องหมายสมาพันธ์
- 9.2 สมาชิกทุกประเภทมีสิทธิได้รับเอกสารจากสมาพันธ์ ได้รับการสงเคราะห์และใช้บริการตามที่สมาพันธ์ กำหนด
- 9.3 สมาชิกสามัญมีสิทธิใช้สถานที่ของสมาพันธ์เพื่อจัดกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามระเบียบ
- 9.4 สมาชิกทุกประเภทสามารถติดต่อสอบถาม เสนอแนะให้ข้อคิดเห็นแก่คณะผู้บริหารสมาพันธ์ได้
- 9.5 สมาชิกสามัญมีสิทธิเสนอญัตติเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะผู้บริหารสมาพันธ์ ให้นำ เข้าระเบียบวาระเพื่อเข้าที่ประชุมใหญ่ แต่ต้องมีสมาชิกสามัญอื่นลงชื่อรับรองไว้ในญัตติไม่น้อยกว่า 10 คน
- 9.6 สมาชิกสามัญมีจำนวนรวมกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกสามัญทั้งหมดสามารถทำหนังสือยื่นต่อคณะผู้บริหารสมาพันธ์เพื่อเรียกประชุมใหญ่เป็นกรณีพิเศษ โดยระบุเรื่องให้มีการประชุมใหญ่เป็นกรณีพิเศษนั้นไว้ในหนังสือที่ยื่นด้วย
- 9.7 สมาชิกสามัญมีสิทธิพิเศษในที่ประชุมใหญ่ ดังนี้
- (1) เข้าร่วมประชุม
- (2) อภิปรายข้อความตามที่ประชุมอยู่ในระเบียบวาระการประชุม
- (3) เสนอข้อคิดเห็น หรือซักถามข้อสงสัยในข้อความที่ประชุมอยู่ในระเบียบวาระการประชุม
- (4) เสนอสมาชิกอื่นให้ได้รับเลือกเป็นคณะผู้บริหารสมาพันธ์
- (5) ได้รับการเสนอให้ได้รับเลือกเป็นคณะผู้บริหารสมาพันธ์
- (6) ออกเสียงลงมติ
- (7) รับรองข้อเสนอที่สมาชิกอื่นเสนอ
- (8) เสนอให้ลงมติ
- (9) ขอเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุมโดยสมาชิกอื่น (4)-(9) เป็นสิทธิของสมาชิกเท่านั้น
 
ข้อที่ 10 หน้าที่ของสมาชิก
- 10.1 ปฏิบัติตามข้อบังคับของสมาพันธ์ และระเบียบซึ่งคณะบริหารสมาพันธ์ได้กำหนด
- 10.2 ส่งเสริมร่วมมือในกิจกรรมของสมาพันธ์ ให้ดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ให้สมาพันธ์ตั้งอยู่ด้วยความวัฒนาถาวรสืบไป และต้องรักษาความพร้อมเพรียงในการร่วมประชุม
- 10.3 ต้องรักษาคุณธรรม ความดีงาม และต้องไม่ประพฤติตัวเป็นที่เสื่อมเสียด้วยประการทั้งปวง
หมวดที่ 3 การดำเนินกิจการสมพันธ์
ข้อที่ 11 ให้คณะผู้บริหารสมาพันธ์ทำหน้าที่บริหารงานสมาพันธ์ จำนวนไม่น้อยกว่า 15 คน แต่ไม่เกิน 25 คน โดยตำแหน่งประธานสมาพันธ์ให้ที่ประชุมใหญ่ทำการเลือกตั้งจากผู้แทนสมาชิกประเภทสามัญ ส่วนกรรมการในตำแหน่งอื่น ๆ เช่น รองประธานสมาพันธ์ เลขาธิการ รองเลขาธิการ เหรัญญิก ผู้ช่วยเหรัญญิก ประชาสัมพันธ์ วิชาการ ปฏิคม นายทะเบียน และอื่น ๆ ให้ประธานสมาพันธ์เป็นผู้แต่งตั้งจากผู้แทนสมาชิกประเภทสามัญได้ตามความเหมาะสม
ข้อที่ 12 คณะผู้บริหารสมาพันธ์ดังกล่าวในข้อ 11 มีวาระการดำรงตำแหน่งได้คราวละสองปี กรรมการที่พ้นจากการดำรงตำแหน่งไปแล้ว อาจได้รับการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งเป็นกรรมการอีกก็ได้
ข้อที่ 13 กรณีที่ตำแหน่งประธานสมาพันธ์ว่างลงก่อนครบวาระให้รองประธานสมาพันธ์รักษาการแทน และให้เลขาธิการสมาพันธ์เรียกประชุมกรรมการสมาพันธ์โดยมิชักช้า เพื่อให้กรรมการสมาพันธ์คัดเลือกประธานสมาพันธ์คนใหม่ โดยให้ดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานสมาพันธ์คนก่อนพร้อมแต่งตั้งคณะผู้บริหารสมาพันธ์ชุดใหม่ขึ้นแทนชุดเดิม
ข้อที่ 14 อำนาจหน้าที่คณะผู้บริหารสมาพันธ์
- 14.1.1 ให้คณะผู้บริหารสมาพันธ์ประชุมครั้งแรกภายใน 60 วัน นับตั้งแต่ที่ประชุมใหญ่ได้มีมติเลือกตั้งคณะผู้บริหารสมาพันธ์แล้ว และถ้าหากผู้บริหารคนใดขาดประชุมติดต่อกัน 3 ครั้ง โดยไม่มีเหตุผลสมควรถือว่าหมดสิ้นในการดำเนินการบริหารสมาพันธ์
- 14.1.2 คณะผู้บริหารสมาพันธ์ อยู่ในตำแหน่งได้คราวละ 2 ปี คณะผู้บริหารสมาพันธ์ ที่พ้นจากตำแหน่งให้คงอำนาจหน้าที่ในการบริหารงานสมาพันธ์ ในกรณีปกติต่อไปจนกว่าคณะผู้บริหารสมาพันธ์ ชุดใหม่เข้ารับมอบหมายงานแล้ว
- 14.1.3 ผู้ขาดจากสมาชิกภาพ ย่อมขาดจากการเป็นผู้บริหารสมาพันธ์ด้วย
- 14.1.4 ให้คณะผู้บริหารดำเนินกิจการของสมาพันธ์ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยกำหนดเป็นนโยบายและแผนการดำเนินงานตลอดวาระการดำรงตำแหน่ง
- 14.1.5 นโยบายแผนงานและงบประมาณประจำปีซึ่งจะเปลี่ยนแปลงได้โดยมติคณะผู้บริหารสมาพันธ์ เท่านั้น
- 14.1.6 พิจารณาอนุมัติการเข้าเป็นสมาชิก
- 14.1.7 แต่งตั้งที่ปรึกษา หรือคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินงานสมาพันธ์ในเรื่องต่าง ๆ
- 14.1.8 กำหนดระเบียบ วิธีการซึ่งไม่ขัดแย้งกับข้อบังคับของสมาพันธ์
- 14.1.9 ตีความหมายในข้อบังคับของสมาพันธ์ ในกรณีที่มีปัญหา
- 14.1.10 แต่งตั้งบรรจุและเลื่อนอัตราเงินเดือนหรือปลดลูกจ้างของสมาพันธ์
ข้อที่ 15 ผู้บริหารสมาพันธ์ แต่ละหน้าที่มีสิทธิและหน้าที่ดังนี้
- 15.1 ประธานสมาพันธ์
(1) บริหารกิจการของสมาพันธ์ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ นโยบาย ระเบียบแบบแผนและข้อบังคับของสมาพันธ์ 
 (2) เป็นประธานในที่ประชุมผู้บริหารและการประชุมใหญ่ ของสมาพันธ์
 (3) เป็นผู้แทนสมาพันธ์ ในการติดต่อกับบุคคล หน่วยงาน สถาบันทั้งในและนอกประเทศ
 (4) เป็นผู้รักษาระเบียบในการประชุม
- 
15.2 รองประธานสมาพันธ์ 
 (1) ทำหน้าที่แทนประธานสมาพันธ์ เมื่อประธานสมาพันธ์ ไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
 (2) ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ประธานสมาพันธ์มอบหมาย
- 
15.3 เลขาธิการ 
 (1) ลงนามในเอกสารเพื่อกำหนดวันประชุม และเอกสารสำคัญของสมาพันธ์ ตามมติคณะผู้บริหารสมาพันธ์
 (2) จัดระเบียบวาระการประชุม บันทึกการประชุม เป็นเลขาธิการและดำเนินการเกี่ยวกับการประชุม
 (3) ปฏิบัติงานสารบรรณและเก็บรักษาเอกสาร
 (4) ดำเนินกิจการของสมาพันธ์ โดยทั่วไปที่ไม่อยู่ในหน้าที่ของผู้ใด
 (5) ประสานงานกับกรรมการเจ้าหน้าที่ เพื่อให้บริการสมาพันธ์ ดำเนินไปด้วยดี
 (6) ปฏิบัติตามที่ประธานสมาพันธ์มอบหมาย
 (7) รักษาการแทนประธานสมาพันธ์ เมื่อประธานสมาพันธ์ และรองประธานสมาพันธ์ ไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
- 
15.4 รองเลขาธิการ 
 (1) ทำหน้าที่แทนเลขาธิการเมื่อเลขาธิการไม่อยู่ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
 (2) ปฏิบัติหน้าที่ตามที่เลขาธิการมอบหมาย
- 
15.5 ประชาสัมพันธ์ 
 (1) จัดทำหรือเผยแพร่ข่าวสารตลอดจนเผยแพร่กิจกรรมของสมาพันธ์
- 
15.6 ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ 
 (1) ปฏิบัติหน้าที่แทนประชาสัมพันธ์เมื่อประชาสัมพันธ์ไม่อยู่ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
 (2) ปฏิบัติตามที่ประชาสัมพันธ์มอบหมาย
- 
15.7 ปฏิคม 
 (1) ให้การต้อนรับ อำนวยความสะดวกแก่สมาชิกและผู้อื่นที่มาติดต่อกับสมาพันธ์
 (2) อำนวยความสะดวกให้แก่สมาชิกในกิจกรรมสมาพันธ์
- 
15.8 ผู้ช่วยปฏิคม 
 (1) ปฏิบัติหน้าที่แทนปฏิคม เมื่อปฏิคมไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
 (2) ปฏิบัติตามที่ปฏิคมมอบหมาย
- 
15.9 เหรัญญิก 
 (1) เก็บรักษา เบิก-จ่ายเงินของสมาพันธ์ ตามระเบียบและตามกำหนดไว้ในข้อบังคับ
 (2) ดำเนินการเกี่ยวกับการเงินและการบัญชีของสมาพันธ์
- 
15.10 ผู้ช่วยเหรัญญิก 
 (1) ปฏิบัติหน้าที่แทนเหรัญญิกเมื่อเหรัญญิกไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
 (2) ปฏิบัติตามที่เหรัญญิกมอบหมาย
- 
15.11 นายทะเบียนและผู้ช่วยนายทะเบียน 
 (1) จัดทำและรักษาทะเบียนประวัติของสมาชิกและจัดทำประวัติของสมาพันธ์
 (2) แก้ไขปรับปรุงทะเบียนของสมาชิกให้ถูกต้องตามความเป็นจริง
 (3) จัดทำทะเบียนเกี่ยวกับวัสดุ
 (4) ให้ผู้ช่วยนายทะเบียนมีหน้าที่เช่นเดียวกับนายทะเบียนเมื่อนายทะเบียนมอบหมายงาน
- 
15.12 วิชาการ 
 (1) จัดกิจกรรมเกี่ยวกับด้านวิชาการ และฝึกอบรมให้กับสมาชิก
 (2) จัดทำเอกสารด้านวิชาการ
 (3) จัดทำทะเบียนเกี่ยวกับพัสดุ
 (4) จัดทำกิจกรรมด้านนันทนาการให้แก่สมาชิก
 (5) จัดทำกิจกรรมด้านทัศนคติ และดูงานให้แก่สมาชิก
- 
15.13 กรรมการสมาพันธ์ 
 (1) ช่วยเหลือกิจการทั่วไปของสมาพันธ์
- 
15.14 ที่ปรึกษาสมาพันธ์ 
 (1) ให้คำปรึกษาแก่คณะผู้บริหารสมาพันธ์
ข้อที่ 16 กรรมการทุกตำแหน่ง เว้นประธานสมาพันธ์ ให้จัดทำโครงการแผนงานและระเบียบในการปฏิบัติกิจกรรมของตนแต่ละหน้าที่ เมื่อที่ประชุมคณะผู้บริหารสมาพันธ์อนุมัติแล้วให้ใช้ได้
ข้อที่ 17 คณะผู้บริหารสมาพันธ์ มีอำนาจร่างระเบียบสำหรับกิจกรรมสมาพันธ์โดยไม่ขัดข้อบังคับนี้
ข้อที่ 18 คณะผู้บริหารสมาพันธ์ มีสิทธิตั้งสมาชิกเป็นอนุกรรมการให้ปฏิบัติกิจการหรือดำเนินการ ใด ๆ ตามวัตถุประสงค์ของสมาพันธ์ได้ตามเห็นสมควร
หมวดที่ 4 การประชุมใหญ่
ข้อที่ 19 ให้มีการประชุมคณะผู้บริหารสมาพันธ์ เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสมาพันธ์ตาม ปกติปีละไม่น้อยกว่า 4 ครั้ง โดยให้ประธานสมาพันธ์ และรองประธานสมาพันธ์เป็นผู้กำหนด และให้เลขาธิการเป็นผู้แจ้งให้คณะผู้บริหารสมาพันธ์ทราบ วัน เวลา และสถานที่ พร้อมทั้งระเบียบวาระการประชุมและแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน
ข้อที่ 20 การประชุมของคณะผู้บริหารสมาพันธ์ ต้องมีกรรมการร่วมประชุมเกินครึ่งของคณะผู้บริหารทั้งหมดจึงถือว่าเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานสมาพันธ์ และรองประธานสมาพันธ์ไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งจากคณะผู้บริหารสมาพันธ์ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
ข้อที่ 21 กรรมการมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนที่ประชุมได้คนละ 1 เสียง ถ้าเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงได้ 1 เสียง เป็นเสียงชี้ขาด
ข้อที่ 22 ให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ปีละ 1 ครั้ง เพื่อปรึกษากิจการของสมาพันธ์ ดังนี้
- 22.1 รายงานของคณะผู้บริหารสมาพันธ์ เกี่ยวกับกิจการในปีที่ผ่านมา
- 22.2 งบดุลประจำปี
- 22.3 เลือกตั้งคณะกรรมการผู้บริหารสมาพันธ์ เมื่อถึงกำหนดตามวาระ
- 22.4 เลือกตั้งผู้ตรวจสอบบัญชีประจำปี
- 22.5 ปรึกษากิจการของสมาพันธ์
- 22.6 กิจการอื่นๆ
ข้อที่ 23 การแจ้งกำหนดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ให้เลขาธิการสมาพันธ์ แจ้งกำหนดวัน เวลา และสถานที่ ที่ประชุมพร้อมทั้งส่งเอกสารเกี่ยวกับการประชุมตามที่คณะผู้บริหารสมาพันธ์ มีมติ
- 23.1 นอกจากการประชุมใหญ่สามัญประจำปีแล้ว คณะผู้บริหารสมาพันธ์ อาจจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญได้โดย
- (1) มติคณะผู้บริหารสมาพันธ์ ให้เรียกการประชุมใหญ่วิสามัญ
- (2) สมาชิกร้องขอตามข้อบังคับ (9.6)
 
- 23.2 การประชุมใหญ่สามัญนั้นจะต้องมีขึ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่กรรมการได้มีมติเด็ดขาดหรือนับแต่วันที่ได้รับเรื่องขอให้การประชุมใหญ่วิสามัญจากสมาชิก
- 23.3 เลขาธิการดำเนินการนัดประชุมตามระเบียบและวิธีการดังกล่าวข้างต้น
ข้อที่ 24 ในที่ประชุมใหญ่สามัญ หรือวิสามัญทุกครั้งจะต้องมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า กึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด การลงมติให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าการลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธาน ชี้ขาด
- 24.1 ถ้าการประชุมครั้งแรกสมาชิกไม่ครบองค์ประชุม ให้เลขาธิการสมาพันธ์ เลื่อนการประชุมออกไปไม่น้อยกว่า 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันไม่ครบองค์ประชุมครั้งแรก ในการประชุมครั้งที่ 2 ไม่ว่าสมาชิกจะมาประชุมจำนวนเท่าใดก็ถือว่าครบองค์ประชุม
หมวดที่ 5 การเงินของสมาพันธ์
ข้อที่ 25 สมาพันธ์ มีรายได้จาก
- 25.1 เงินค่าบำรุงจากสมาชิก
- 25.2 เงินที่ได้จากการบริจาค
- 25.3 เงินอุดหนุน
- 25.4 เงินรายได้อื่นๆ
ข้อที่ 26 ให้เหรัญญิกของสมาพันธ์ เป็นผู้รับผิดชอบการเงินของสมาพันธ์ ตามกฎหมายและให้ทำรายงานตลอดจนผลงานเสนอคณะผู้บริหารสมาพันธ์ เป็นระยะตามความเหมาะสม
ข้อที่ 27 เงินของสมาพันธ์ ให้ฝากไว้ ณ ธนาคารอันเป็นหลักฐาน แต่เหรัญญิกจะเก็บรักษาเพื่อความสะดวกแก่การจ่ายในกิจการประจำตามปกติก็ได้การเก็บรักษาเงินของเหรัญญิก ในกรณีดังกล่าวนี้ต้องไม่เกิน 3,000 บาท (สามพันบาท) การถอนเงินหรือการสั่งจ่ายเงินจากธนาคารต้องมีลายมือชื่อของประธานสมาพันธ์ และรองประธานสมาพันธ์ หรือเหรัญญิกลงลายมือชื่อร่วมกัน
ข้อที่ 28 ประธานสมาพันธ์ มีอำนาจสั่งจ่ายเงินนอกจากรายจ่ายประจำ ในกิจการของสมาพันธ์ตามวัตถุประสงค์ได้คราวละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หากเกินจำนวนดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจากคณะผู้บริหารสมาพันธ์ก่อน
ข้อที่ 29 ให้คณะผู้บริหารสมาพันธ์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของสมาพันธ์อำนวยความสะดวกแก่ผู้ตรวจ สอบบัญชีในการที่จะตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับการเงิน และเงินสดเพื่อประโยชน์แก่การตรวจ สอบ นั้นด้วย รายงานการตรวจสอบบัญชีของผู้ตรวจสอบบัญชีนี้ ให้ผู้ตรวจสอบบัญชีลงลายมือชื่อรับรองเพื่อเสนอที่ประชุมใหญ่ในปีต่อไปด้วย
หมวดที่ 6 การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาพันธ์
ข้อที่ 30 การแก้ไขข้อบังคับของสมาพันธ์ จะทำได้โดยมติที่ประชุมใหญ่ของสมาพันธ์ และต้องได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2ใน 3 ของผู้เข้าร่วมประชุม
ข้อที่ 31 การเสนอแก้ไขข้อบังคับของสมาพันธ์ ทำได้ คือ
- 31.1 สมาชิกเป็นผู้เสนอโดยมีสมาชิกยื่นลงนามรับรอง ไม่น้อยกว่า 30 คน โดยยื่นต่อเลขาธิการล่วงหน้าก่อนการประชุมใหญ่ ไม่น้อยกว่า 45 วัน ให้เลขาธิการส่งสำเนาข้อเสนอนั้นให้สมาชิกทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนการประชุมใหญ่
- 31.2 คณะผู้บริหารสมาพันธ์ เป็นผู้เสนอ โดยแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 30วัน ก่อนการประชุมใหญ่
ข้อที่ 32 การเลิกสมาพันธ์ จะเลิกได้โดยมติที่ประชุมใหญ่ของสมาพันธ์ ยกเว้นเป็นการเลิกเพราะเหตุของกฎหมาย มติที่ประชุมใหญ่ให้เลิกสมาพันธ์ จะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของสมาชิกสามัญทั้งหมด
ข้อที่ 33 ให้ที่ประชุมของคณะผู้บริหารสมาพันธ์ เป็นผู้ลงมติเลือกตั้งผู้ชำระบัญชี
ข้อที่ 34 ทรัพย์สินของสมาพันธ์ที่เหลือจากการชำระบัญชีมีอยู่เท่าใด ให้เป็นไปตามมติที่ประชุมใหญ่
หมวดที่ 7 บทเฉพาะกาล
ข้อที่ 35 ในวาระแรกของการก่อตั้งสมาพันธ์ ให้คณะกรรมการบริหารสมาพันธ์ชุดก่อตั้ง ซึ่งบริหารสมาพันธ์อยู่ มีวาระการดำรงตำแหน่งต่อไปเป็นเวลา 1 ปี นับแต่ข้อบังคับสมาพันธ์พิจารณาเสร็จสิ้น และให้ดำเนินการประชุมใหญ่ เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารตามข้อ 11 ก่อนครบวาระสมาพันธ์การแพทย์แผนไทยล้านนา
